Category ข่าววันนี้

เจ้าของร้านเล่านาที เอ๊ะ จิรากร ถูกลูกค้าต่อย ยันมีการ์ดดูแล แต่เหตุเกิดขึ้นเร็วมาก

เอ๊ะ จิรากร ถูกลูกค้าต่อย

เถ้าแก่เล่านาที “เอ๊ะ จิรากร” ถูกลูกค้า ต่อยหน้า ยันมีการ์ดดูแล แต่มันเกิดขึ้นเร็วมาก ล่าสุดรู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว

จากกรณีคลิปไวรัล เอ๊ะ-จิรากร สมพิทักษ์ ศิลปินหนุ่ม มีชื่อ วัย 45 ปี ผู้ครอบครอง เพลงฮิต จากนี้ไปจนนิรันดร์, ใจกลางความรู้สึกดีดี, ระหว่างเราสองคน ฯลฯ ถูกแฟนเพลง บุกต่อยขณะขึ้น คอนเสิร์ตในผับ กระทั่งกลายเป็น ประเด็นร้อน ที่มีชาวเน็ตออกมาวิพากษ์ วิจารณ์ กันสนั่นโลกโชเชียลฯ

เอ๊ะ จิรากร เจ้าของร้านเล่า

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 17.30 น. (5 ก.พ.66)

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บริเวณ ร้านค้า Walk in 88 เลขที่ 57/5 ซอยรังสิต-นครนายก 67 ถนนเลียบคลองสาม ต.ประชาธิปัตย์ อ. ธัญบุรี จ.ปทุมธานี พบกับ นายพัฒนชัย ลำกะ อายุ 45 ปี เจ้าของร้าน พร้อมทั้งเปิดเผยว่า เมื่อคืนวันที่ 4 ก.พ.

ทางร้านค้าได้มีการจัดการแสดงดนตรีของ คุณเอ๊ะ จิรากร ซึ่งทางคุณเอ๊ะ ได้ขึ้นไปร้องเพลง ประมาณก่อนเที่ยงคืน ซึ่งทางคุณเอ๊ะ ก็ได้แสดงไปตามปกติ โดยมีชายเสื้อขาว ซึ่งก่อนที่จะขึ้นไปทำร้าย คุณเอ๊ะนั้น ชายดังกล่าวได้ถือเครื่องดื่ม ที่เป็นแก้วช็อต แล้วได้มากิน ด้านหน้าเวทีกับคุณเอ๊ะ

จากนั้นเขา ก็เดินไปและก็เดินกลับมาอีกรอบ ซึ่งทางการ์ด ก็เห็นแล้วว่าชายคนนี้ เคยเดินถือแก้ว ไปดื่มกับคุณเอ๊ะแล้ว ครั้งสองครั้ง การ์ดก็เลยไม่ได้รู้สึกว่าจะต้องระวังชายคนนี้

แต่จังหวะ ที่เขาเดินมาแล้วจู่ ๆ ก็เดินก้าวขึ้นเวทีไปเลย ซึ่งทางร้านก็มีระบบ รักษาความปลอดภัย เหมือนที่ตน ได้คุยกับทางการ์ด ไว้แล้ว คือลูกค้าหรือคนดูไม่สามารถ ขึ้นไปบนเวทีได้ ซึ่งทางการ์ดเห็น จึงได้เดินไปกัน ตัวออกมา จังหวะที่ดึงตัวลงมา คงมีอารมณ์โกรธ จึงได้ผลักการ์ด แล้วหันไปต่อยคุณเอ๊ะเลย โดยกลุ่มชายดังกล่าว มาด้วยกันทั้งหมด ประมาณ 8-9 คน โดยกลุ่มชายดังกล่าว ไม่ใช่ลูกค้าประจำที่ร้าน แต่จองผ่านเพจมา แล้วเวลาเขาเข้ามา ไม่ได้มาทีเดียว 8-9 คน

เอ๊ะ โพสต์

แต่เดินทางมา ทีละคนสองคน ทยอยกันเข้ามา

โดยทางคุณเอ๊ะ ร้องไปประมาณ 3-4 เพลง พอเพลงที่ 3 ก็เห็นว่าชายดังกล่าวเดิน เอาเครื่องดื่มไปชนกับคุณเอ๊ะแล้ว ซึ่งหลังจากเกิดเหตุ ทางร้านโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ทันทีเลย

แต่เพราะวันนั้นคนในร้านค้าเยอะมาก ซึ่งผู้ที่ก่อเหตุ ก็อาศัยช่วงที่อลหม่านหลบซ่อนไปอย่างรวดเร็วทันใจ โดยมีลูกน้อง ที่ร้านตามออกไป

แต่เขาก็ขับรถไปเร็วมาก ก็เลยทำให้ตามไม่ทัน จากนั้นตำรวจก็เข้ามาถึงรวมทั้ง เข้าเคลียร์พื้นที่มาจัดการ ภายในร้าน มาถามไถ่เหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น ซึ่งในเบื้องต้นได้ทำการนัดหมาย ไว้ว่าวันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์

ทางผมจะเดินทางไปแจ้งความเพื่อฟ้องร้องกับลูกค้า คนนี้ให้ถึงที่สุด ด้วยเหตุว่า ทางร้านเปิดมา 6 ปี จัดการแสดงดนตรีมาแล้ว 20-30 ศิลปินแล้ว ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้

ส่วนทางด้านคุณเอ๊ะ ได้รับบาดเจ็บบริเวณ กกหูด้านซ้าย เป็นรอยแดง ๆ ซึ่งน่าจะเป็นช่วงที่เขาเหวียงแขน ไปโดน ซึ่งหลังจากเกิดเหตุ ตัวผมเองก็เดินเข้าไปหาคุณเอ๊ะ ที่ห้องรับรองเลย เนื่องจากว่าตอนที่เกิดเหตุ ผมเองไม่ได้อยู่บริเวณนั้น แต่เดินอยู่รอบ ๆ ร้าน

แล้วมีเด็กวิ่งมาบอก ผมก็เลยได้เดินตามเข้าไปหาคุณเอ๊ะ ที่ห้องรับรองศิลปิน ไปถาม เหตุการณ์และขอโทษเขา ซึ่งเหตุการณ์ มันเกิดขึ้นเร็วมาก ซึ่งตอนนี้ทางร้านค้ารู้ชื่อลูกค้า คนดังกล่าวแล้ว อีกทั้งชื่อนามสกุล เลขบัตรประชาชน ที่อยู่ทั้งหมดแล้ว

เอ๊ะ จิรากร นาทีโดน

“เอ๊ะ จิรากร” เคลื่อนไหวแล้ว หลังถูกแฟนเพลงบุกต่อยกลางการแสดงดนตรี

ต่อเนื่องจากกรณี คลิปไวรัล เอ๊ะ-จิรากร สมพิทักษ์ ศิลปินหนุ่มโด่งดัง วัย 45 ปี เจ้าของเพลงได้รับความนิยม จากนี้ไปจนนิรันดร์, ใจกลางความรู้สึกดีดี, ระหว่างเราสองคน อื่น ๆ อีกมากมาย ถูกแฟนเพลงบุกต่อยขณะขึ้นคอนเสิร์ตในผับ จนกลายเป็นประเด็นร้อน ที่มีชาวเน็ตออกมาวิพากษ์ วิจารณ์กันสนั่นโลกโชเชียลฯ

กระทั่งล่าสุด ทางด้าน เอ๊ะ จิรากรก็ได้ออกมาเคลื่อนไหว เป็นครั้งแรก โดยเป็นการใช้พื้นที่บนเฟซบุ๊ก @Ae Jirakorn โพสต์ข้อความกล่าวถึงการให้เกียรติ รวมถึงขอบคุณแฟนคลับแล้วก็ทุกๆคน ที่ส่งกำลังใจแล้วก็ความเป็นห่วงมาให้กับตนเองในช่วงที่ผ่านมา

“รักในผลงาน รักในตัวศิลปิน เราทุกคนก็ควรให้เกียรติกันนะครับ ขอบคุณทุกความห่วงใยของทุกคนนะครับ ช่วงนี้นักร้องโดนกันเยอะจริง ๆ”

จิรากร สมพิทักษ์ หรือเอ๊ะ จิรากรเป็นนักร้องไกด์ ให้แก่ศิลปินดัง ๆ หลายคน อีกทั้งยังเป็นนักร้องนำวง Nothing To Lose และได้เซ็นสัญญา เป็นศิลปินในสังกัด WE records ของเครือ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เมื่อปี พ.ศ. 2554 หลังจากนั้นออกซิงเกิ้ล เพลง “ไม่มีตรงกลาง” และก็เพลง “จากนี้ไปจนนิรันดร์” ในอัลบั้ม Project Love Pill ซึ่งเป็นผลงานเพลงที่ทำให้เป็นที่รู้จัก

เป็นชาวอำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ศึกษาที่คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จนเรียนจบ ทำวงเล่นตามผับ และก็ทำเพลงใต้ดิน แต่ไม่ได้มีผลงานออกมาสู่สาธารณชน รวมทั้งได้เข้ามาทำงาน กับค่ายเพลงใต้ดิน ซึ่งมีวง Dezember กับ Heretic angle เป็นวงหลัก

ต่อจากนั้น เข้ามาเป็นศิลปินฝึกหัด สังกัดอัปจี ในเครือแกรมมี่ แล้วก็ช่วยทำเพลง วงโปเตโต้ ด้วยในชุดรีเฟรช

และได้รู้จักกับ ปฏิเวธ อุทัยเฉลิม ที่เชิญชวน ไปเป็นนักร้องไกด์เพลง จนกระทั่งได้ร้องเพลง เพลงแรกคือ “ไม่มีตรงกลาง” หนึ่งในเพลงในอัลบั้ม Project Love Pill จนกระทั่งได้มาทำอัลบั้มชุดแรก ใจกลางความรู้สึกดีดี ออกในปี 2555

ตอนนี้กลับมาโด่งดังอีกครั้ง หลังถอดหน้ากากอีกาเหล็ก ในรายการ The Mask Singer สังกัดศิลปินค่าย แกรนด์มิวสิก เจ้าของเพลง “ตราบที่ยังหายใจ” ด้านครอบครัวแต่งงานและมีลูก 3 คน

อุ๊ย! "เบลล่า ราณี" ว่ายังไงบ้าง เจอซิลิโคลนเถื่อนแอบอ้างตั้งชื่อ ทรงเบลล่า?

เบลล่า เคลียร์ประเด็น

เบลล่า ได้มีโอกาสออกมาเคลียร์ประเด็นร้อนกับสื่อมวลชนในงาน แว่นท็อปเจริญ โครงการแว่นตาเพื่อพี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนใต้ สำหรับ นางเอกซุปตาร์ ราณี แคมเปน หลังมีกระแสข่าวกรณี ซิลิโคนเถื่อน ใช้ชื่อเจ้าตัวไปแอบอ้างในทำนองว่า ทรงเบลล่า จนถึงนำมาซึ่งการก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในหมู่คนทำศัลยกรรม

ซึ่งนอกจากนางเอกสาวจะออกมาพูดถึงความรู้สึกเกี่ยวกับเรื่องนี้ ให้บรรดาสื่อมวลชนได้ฟังแล้ว เจ้าตัว ก็ยังอัปเดตแพลนฉลองวาเลนไทน์ปี 2566 อีกด้วย

เบลล่า Y2K

เบลล่า บริจาคเงิน 100,000 บาท ให้กับโรงเรียน ?

นานแล้วนะคะ คือ ถ้าเกิดใครบอกบุญมา มีโอกาสก็ทำค่ะ แต่ว่าสำหรับยอดนี้ เบล ทำให้โรงเรียนแม่ ซึ่งน้องๆเขายังไม่มีสนามฟุตซอล เบล ก็เลยเหมือนเป็นเจ้าภาพ (ยิ้ม) คือ ถ้าเกิดเบลมีกำลังช่วยได้ เบลก็จะช่วยเท่าที่มีกำลัง จริงๆ มันเป็นเหมือนวัตถุประสงค์ของเบลด้วยแหละ เรา มีทรัพย์ เรา ก็ส่งต่อช่วยเหลือบุคคลอื่น วัด โรงพยาบาล โรงเรียน ต่างๆ เท่าที่มีโอกาส ทำแล้วสบายใจค่ะ

โรงงานซิลิโคน เอาชื่อเราแปะหน้ากล่อง แล้วก็ เป็นซิลิโคนที่ไม่ถูกกฎหมาย ซิลิโคนทรงเบลล่า ?

อุ๊ย จำเป็นต้องดูกันดีๆนะ ถ้าเกิดจะทำศัลยกรรม เรา ต้องดูสถานที่ให้ปลอดภัย คือ… การทำให้ตัวเองสวยขึ้นไม่ผิดนะคะ แต่ว่าเราจะต้องเช็กให้ดีๆด้วย ด้วยเหตุว่า มันคือเรื่องของความปลอดภัย

มีชื่อเราไปเอี่ยวแบบนี้ ซีเรียสไหม ?

ยังไม่เห็นข่าวเลยค่ะ แต่ว่าถือว่าเป็นคำชมละกันค่ะ (หัวเราะ) ดูดีๆนะคะ

เราเป็นห่วงไหม ด้วยเหตุว่า บางเคส ก็ส่งผลข้างเคียง ?

เป็นกำลังใจให้นะคะ เบลก็ขอให้หายไวๆ

รู้สึกยังไงบ้าง ที่มีบางคนเอาหน้าเราไปเป็นแบบทำศัลยกรรม ?

ดีใจค่ะ เบล ถือว่า นั่นเป็นการชื่นชมอย่างหนึ่ง เขา ต้องการมีหน้าเหมือนเราก็โอเค แต่ว่าในความเป็นจริงแล้ว ทุกคน ก็สามารถสวยได้ในแบบของตัวเองค่ะ

รู้สึกยังไงบ้าง ที่เราเป็นบล็อกยอดฮิต ?

ขอบคุณค่ะ แต่ว่าก็จะต้องศึกษาข้อมูลดีๆด้วย อย่าหลงเชื่ออะไรง่ายๆ

วาเลนไทน์ปีนี้ มีแพลนอะไรบ้าง ?

ไม่มีอะไรเลยค่ะ นับได้ว่าเป็นหนึ่งวันทำงาน เป็นวันวันหนึ่ง (ยิ้ม) ก็รอดูละกันค่ะ ว่าจะเป็นยังไง แต่ไม่เหงาค่ะ คนรอบข้างเติมเต็มความรักได้ดีมากๆอยู่แล้ว ครอบครัว เพื่อนฝูง น้องหมาน้องแมว

โสดเหมือนเดิมไหม ?

โสดค่ะ สนิทค่ะ รอดูดอกไม้ก็ได้ค่ะ (หัวเราะ)

เบลล่า ทรงเบลล่า

” เบลล่า ” ฉลองวันตรุษจีนกับครอบครัว น่ารักสอนยายโพสท่า Y2K

ถึงจะโสด แต่บอกเลยว่า นางเอกสาว ราณี แคมเปน ไม่มีเหงา เนื่องจาก ทั้งคิวงานที่แน่นทั้งปี แถมยังมีครอบครัวที่อยู่เคียงข้าง โดยยิ่งไปกว่านั้น แม่ปราณี ที่ตัวติดกับลูกสาวสุดที่รักตลอด

แล้วก็ ล่าสุด ในช่วงเทศกาลวันตรุษจีน กับภาพสุดอบอุ่นที่ เบลล่า ได้โพสต์ลงลงอินสตาแกรม ภาพที่อยู่พร้อมหน้าคุณแม่ และ ญาติๆ เหมือนเช่นเคย

งานนี้ เบลล่า ยังกมือไหว่งามๆ เพราะ ได้รับซองอั่งเปาด้วย และก็ ความน่ารัก เมื่อ ราณี แคมเปน ได้สอนให้คุณยายทำท่าโพสถ่ายรูป Y2K ชูสองนิ้วขึ้นมาถ่ายภาพคู่หลานสาวคนสวย เป็นช็อตที่แฟนๆ มองเห็นแล้วต้องยิ้มตาม

โมเมนต์สุดอบอุ่นของบ้านเบลล่า ที่ช่างน่ารักเอ็นดูจริงๆ

สวยรวย ” เบลล่า ” เผยของขวัญจากแม่เป็นที่ดินริมโขง เรื่องหัวใจไม่โฟกัส

ราณี แคมเปน เปิดเผยแม่ซื้อที่ดินริมโขง 3 ไร่ ให้เป็นของขวัญ เรื่องหัวใจไม่โฟกัส ขอตัวเองรวยก่อน

นางเอกสาว ราณี แคมเปน เปิดใจกลางงาน Surprisingly Bata CinderBella ถึงของขวัญที่ดินริมโขง 3 ไร่ ที่แม่ปราณี ซื้อให้ บอกเป็นที่ดินที่เคยดูกับแม่ ไว้นานแล้ว ถือได้ว่าเป็นการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ หลายคน ยกให้เป็นเศรษฐินีด้านที่ดิน เจ้าตัว บอกมีพอประมาณ แต่ไม่ใช่เศรษฐี

“วันเกิดก่อนหน้าที่ผ่านมา ค่อนข้างเรียบง่ายค่ะ ไปทำบุญกันกับแฟนคลับ มีฟู้ดทรัคร่วมทานอาหารเบาๆ วันเกิดปีนี้ ไม่ได้ซื้ออะไรเป็นของขวัญให้ตนเองเลย ในช่วงนั้น ได้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่น ก็นับได้ว่าเป็นของขวัญ คือ การได้พาแม่ไปเที่ยวค่ะ”

“ของขวัญจากแม่ เป็นที่ดินแม่ซื้อให้อยู่ที่จังหวัดนครพนม พึ่งซื้อเมื่อต้นเดือน แม่จะเซอร์ไพรส์ แต่ว่าเบลรู้ก่อน ด้วยเหตุว่า แม่ให้เบลมาเซ็นเอกสาร”

“ที่ดิน เป็นที่ที่เคยไปดูด้วยกันกับคุณแม่ เป็นที่ริมโขง มองดูเอาไว้ว่ามันเหมาะสม ไม่ใหญ่เกิน ไม่เล็กเกินจนไป มูลค่าไม่ทราบเลย ด้วยเหตุว่า แม่เป็นคนเก็บเงินทุกบาท ได้เรื่องของการลงทุน รวมทั้ง ทรัพย์สิน”

“ยังไม่ได้คิดเลยว่า จะเอาไปทำอะไร เพราะ ช่วงแรกที่ดูไวตั้งใจไว้ว่า จะซื้อให้เป็นของขวัญให้กับคุณแม่ แต่ว่าแม่มาชิงซื้อให้ก่อน ที่ดินไม่ใหญ่ค่ะ ประมาณ 3 ไร่ ไม่ได้เป็นเศรษฐีที่ดินนะคะ แต่ว่าคุณแม่จะเป็นคนดูแลทุกอย่างให้ ซื้อประกันต่างๆ แม่ดูแลให้หมด”

“บ้านใหม่ เบลซื้อให้แม่หลายปีแล้ว แถวๆละแวกเดิมค่ะ พึ่งรีโนเวทเสร็จก็เลยได้ฤกษ์ย้าย กว่าจะสวยก็หมดไปเยอะแบบไม่ได้ตั้งใจ เบล ไม่ค่อยชอบบ้านที่ใหญ่มาก ห้องใหญ่สุด คือ ทำเป็นห้องแต่งตัวของเบลเอง ตอนแรกที่ยังไม่ได้ซื้อบ้าน มีความรู้สึกว่า จะซื้อโกดังไว้เก็บของ”

เรื่องคอมเมนต์ถูกใจแคปชั่นของ มิน พีชญา

“เรา แข่งกับเขาไม่ได้นะ เพราะว่า เขาเป็นเจ้าของหมู่บ้านนะคะ (หัวเราะ) ชื่นชมเขาค่ะ นิสัยดีมีที่ดิน แต่ไม่ให้ใครนะคะ เพียงแค่มีเฉยๆ (ยิ้ม)”

” ทุกวันนี้ ทำงานทุกๆวันเลย เลือกที่ความสุข รวมทั้ง ความสบายใจ ที่สำคัญเบลต้องรวยค่ะ (หัวเราะ)”

“ไม่ได้มีเวลาพูดคุยกับใครเลย ทุกวันนี้ต้องนอนก่อนค่ะ ยังคงคอนเซ็ปต์เดิมเลย ต้องหาเวลาให้ตนเองก่อน “

เอม ภูมิภัทร และ ฟ้า ษริกา ปล่อยพลังความระห่ำใน ขุนพันธ์ 3

ขุนพันธ์ 3 ปล่อยพลัง

นอกจากการเปิดตัวสองเสือร้าย ทั้ง เสือมเหศวร (มาริโอ้ เมาเร่อ) รวมทั้ง เสือดำ (โตโน่-ภาคิน คำวิลัยศักดิ์) ที่จะมาเป็นคู่ปรับคนสำคัญของ ขุนพันธ์ (อนันดา เอเวอริงแฮม) ในภาพยนตร์แอ็กชันฮีโร่ไทยฟอร์มยักษ์แห่งปี ขุนพันธ์ 3 นี้แล้ว อีกสองคนที่สร้างความโดดเด่น รวมทั้ง น่าสนใจไม่แพ้กัน ก็คือ

นักแสดงเจนใหม่เรื่อง ขุนพันธ์ 3 ที่มีฝีมือน่าจับตา อย่าง เอม-ภูมิภัทร ถาวรศิริ แล้วก็ ฟ้า-ษริกา สารทศิลป์ศุภา ที่ถ้าหากกล่าวถึงผลงานที่ผ่านมาของเขา และ เธอ

ขุนพันธ์ 3 เตรียม

ผู้ชม ก็จะอาจคุ้นหน้าคุ้นตา รวมทั้ง ความสามารถอันหลากหลายของทั้งคู่เป็นอย่างดี

งานนี้ ไม่พ้นสายตาอันเฉียบคมของผู้กำกับมือฉมัง โขม-ก้องเกียรติ โขมศิริ ที่ดึงทั้งคู่มาร่วมโปรเจกต์นี้ เพื่อสร้างสีสันความเพลิดเพลิน แล้วก็ ทวีคูณความน่าดูยิ่งขึ้นไปอีก รวมทั้ง แน่ๆว่า หลังจากได้ร่วมงานกันอย่างสมบุกสมบันแล้วก็สามารถตอบโจทย์ของผู้กำกับ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกเลยทีเดียว

‘เอม’ เป็น Rookie คนใหม่ที่น่าสนใจมากๆ ผมต้องการร่วมงานกับน้องอยู่แล้ว เอมมีวิธีแสดงที่ดีมาก เขาแสดงเป็นตัวละคร ‘ทัตเทพ’ ที่เหนือความคาดหวัง เข้ามาเป็นบัดดี้กับ ‘ขุนพันธ์’ ได้ เอมจะมีเหลี่ยมการแสดงที่เรียกว่า ไม่ยอมกัน รับรองว่า ไม่เคยเห็นเขาในภาพลักษณ์อย่างนี้มาก่อนแน่ๆ ส่วนบทของ ‘สาวิตรี’ ที่เราอยากได้คนที่มีความอ่อนโยน

ในขณะเดียวกันก็มีความแข็งแกร่ง ‘ฟ้า’ แสดงดีมาก สวยมาก มีเสน่ห์ สู้แล้วสู้อีก ไม่ว่าจะล้มลุกคลุกคลานอย่างไร ก็ลุยเต็มที่ มีความเป็นนางโจรซึ่งต่อสู้ได้อย่างดุเด็ดเผ็ดมัน ตัวละคร มีการแสดงหลายมิติ ซึ่งฟ้าก็ทำออกมาได้ดี ผู้กำกับเปิดเผยความรู้สึก

ขุนพันธ์ 3 พร้อม

ภายหลังที่ เอม-ภูมิภัทร ถาวรศิริ ได้ฝากผลงานปรากฏชัดต่อสายตาคนดู

ไม่ว่าจะรับบทบาทไหน ก็สามารถเข้าถึงตัวละครได้อยู่หมัด จนถึงคนดูอินตามทุกเรื่อง ทั้งภาพยนตร์เรื่อง นคร-สวรรค์ (2562), ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ (2562), One for The Road วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ (2565)

และ ซีรีส์เรื่อง เด็กใหม่ ซีซัน 2 (2564) แน่นอนว่า เขาจึงกลายมาเป็นดาราที่น่าสนใจสำหรับบทบาทของ ร้อยเอกทัตเทพ นายทหารเลือดใหม่ อนาคตไกล มือขวาของขุนพันธ์ กับภารกิจล่าสองเสือร้ายอาคมแกร่งกล้า

“ผมตัดสินใจเล่น เพราะเหตุว่า โปรเจกต์นี้ทั้งหมด ผม มีความรู้สึกว่า โปรเจกต์นี้ มันน่าสนใจ ผมเองจากที่ได้ดู ‘ขุนพันธ์’ มาสองภาคแล้ว ผม คิดว่า ไม่มีใครทำแบบพี่โขมได้ และ ไม่มีงานไหนที่เหมือนขุนพันธ์ เป็นรสชาติที่ออกจะเป็นเอกลักษณ์จริงๆ ถ้าหากขุนพันธ์เป็นแบทแมน ทัตเทพก็เป็นโรบิน เขาเป็นเหมือนคู่หู ช่วยกันทำภารกิจ เพื่อไปปราบสองโจร

ขณะที่ทัตเทพได้เจอขุนพันธ์ครั้งแรก ได้ทราบว่าจำเป็นที่จะต้องมาร่วมภารกิจ มันเป็นฝันที่เป็นจริง เขาเติบโตมาพร้อมกับวีรกรรม แล้วก็ เรื่องเล่าของขุนพันธ์ ตั้งแต่เด็กขุนพันธ์ คือ ไอดอล” ดาราหนุ่มมากความสามารถ กล่าวถึงความน่าสนใจของบทนี้

ด้าน ฟ้า-ษริกา สารทศิลป์ศุภา ที่โชว์ฝีมือการแสดงภาพยนตร์มาแล้วในเรื่อง ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ (2562) และ วอน (เธอ) (2563) ไม่เพียงแค่นั้น เธอยังโด่งดังจากการเป็นยูทูบเบอร์ด้านแฟชั่น ความงาม รวมทั้ง ไลฟ์สไตล์ที่มียอดผู้ติดตามมากยิ่งกว่า 8 แสน บนช่อง @Fahsarika โดยในเรื่อง ขุนพันธ์ 3 นี้ จะเป็นการพลิกบทบาทมาแสดงแอ็กชันเป็นครั้งแรกด้วยกับบท สาวิตรี แพทย์หญิงในชุมโจร ที่พร้อมจะรักษา และ หยิบปืนมาช่วยทุกชีวิตในเวลาเดียวกัน

“ในเวลาที่อ่านบท ฟ้า คิดว่า ผู้หญิงคนนี้ น่าสนใจมาก มีอุดมคติ มีอุดมการณ์ มีความคิดที่ดี และ พร้อมสู้ มันเป็นอะไรที่ท้าทาย และ ไม่ได้เจอประสบการณ์แบบนี้ในชีวิตจริงแน่นอน ทั้งอาชีพแพทย์ ทั้งในเรื่องสงครามการต่อสู้ แล้ว ‘พี่โขม’ ให้อิสระฟ้าได้ดีไซน์เรื่องคำพูด หรือ ความคิดของตัวละคร ‘สาวิตรี’ น่าจะเป็นผู้หญิงคนเดียวที่บู๊ขนาดนี้” นักแสดงหญิงรุ่นใหม่มากความสามารถ เปิดเผยถึงบทบาทล่าสุด

การรวมตัวของทีมดาราตัวท็อปหลากหลายเจน ที่จะมาปล่อยพลังการแสดงน่าจับตา แอ็กชันสุดระห่ำ และ เรื่องราวน่าติดตาม ตั้งแต่ต้นจนกระทั่งจบ ในภาพยนตร์ไทยฟอร์มยักษ์แห่งปี ขุนพันธ์ 3 นี้ก็สามารถรับประกันความน่าดูที่จะมอบ ทั้งความเพลิดเพลินสุดเดือด มันกระจาย ไม่แพ้ภาคก่อนแน่นอน 2 มีนาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

เรื่องย่อ ขุนพันธ์ 3

ในปีพุทธศักราช 2493 บ้านเมืองได้รับผลพวงจากสงคราม ชุมโจรเสือร้าย ยังคงชุกชุมไปทั่วทุกหนทุกแห่ง ขุนพันธ์ นายตำรวจมือปราบผู้ยึดมั่นในความถูกต้อง จึงถูกเรียกกลับมาปฏิบัติภารกิจล่าตัว 2 เสือร้ายอาคมกล้าที่กำลังฮึกเหิม และ ท้าทายอำนาจรัฐ โดยที่ไม่เคยมีใครเข้าถึงตัวได้ ส่งผลให้เกิดการหวนเหยียบถิ่นเสืออีกครั้งของขุนพันธ์ ท่ามกลางเหล่าเสือร้ายที่หมายเอาชีวิต และ พร้อมพิพากษามือปราบคงกระพันด้วยความตาย

การจับตาย 2 เสือชื่อดังอย่าง เสือมเหศวร และก็ เสือดำ ครั้งนี้ อาจไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ขุนพันธ์ จะสามารถบรรลุภารกิจท้าทายศรัทธา แล้วก็ ประจันหน้าเหล่าเสือร้าย ที่มีทั้งอาคม รวมทั้ง ความคงกระพันได้หรือไม่….หรือ ถึงเวลาแล้วที่คราวนี้ มือปราบหนังเหนียวอย่างขุนพันธ์ จะกลายเป็น “ผู้ถูกล่า” เสียเอง

นำแสดงโดย

อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม รับบท ขุนพันธ์
มาริโอ้ เมาเร่อ รับบท เสือมเหศวร
ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ รับบท เสือดำ
ษริกา สารทศิลป์ศุภา รับบท สาวิตรี
ภูมิภัทร ถาวรศิริ รับบท ทัตเทพ

คุยเรื่องเมืองและศิลปะ กับรองผู้ว่าฯ “ศานนท์ หวังสร้างบุญ”

ศิลปะ หวังสร้างบุญ

Highlight เทศกาล ศิลปะ Colorful Bangkok 2022 เทศกาลศิลปะ แสงสี และก็ ดนตรีในกรุงเทพฯ จัดขึ้นในช่วงพ.ย. 2565 – มกราคม 2566 นับว่าเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “12 เทศกาลตลอดปีทั่วกรุงเทพฯ” มีเป้าหมายให้กรุงเทพฯ กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง พร้อมการกระตุ้นยอดขายให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ
ศิลปะไร้พรมแดน รวมทั้ง ครอบคลุม ไปถึงงานสร้างสรรค์ที่หลากหลาย

นั่นเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่กรุงเทพฯ ต้องรวบรวม รวมทั้ง ทำให้เข้าถึงทุกคนอย่างแท้จริง ซึ่งกรุงเทพฯ จำเป็นต้องให้การส่งเสริม และ สร้างความร่วมมืออย่างทั่วถึง พร้อมช่วยประชาสัมพันธ์งานต่างๆที่เกิดขึ้นในระหว่าง 3 เดือนของเทศกาลอย่างเต็มที่ หัวใจของ “Festival Economy” คือ ยกระดับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับศิลปะ พร้อมด้วย สร้างเศรษฐกิจให้กับเนื้อเมือง หรือ บริเวณต่างๆของกรุงเทพฯ ซึ่งการจัดเทศกาลจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ตลอดถึงการต่อยอดเศรษฐกิจในด้านต่างๆ

“กรุงเทพมหานคร” นับว่าเป็นเมืองหลวงที่มีสีสันมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ทั้งยังในด้านอาหาร วัฒนธรรม รวมทั้ง ศิลปะ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาสัมผัสตลอดทั้งปี แล้วก็ สร้างเม็ดเงินให้กับประเทศไทยอย่างมากมายมหาศาล ทว่าการระบาดของโรคโควิด-19 ก็ทำให้เมืองมากสีสันแห่งนี้ เงียบเหงาลงไปอย่างน่าเศร้าใจ การทำให้กรุงเทพฯ กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

จึงกลายเป็น “เป้าหมายสำคัญ” ของชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการคนปัจจุบันของกรุงเทพฯ เกิดเป็นเทศกาล “Colorful Bangkok 2022” ที่จัดขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2565 – มกราคม 2566 ซึ่งนับว่าเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “12 เทศกาลตลอดปีทั่วกรุงเทพฯ” มีเทศกาลที่น่าสนใจตลอดทั้งปี เพื่อคนกรุงเทพฯ แล้วก็ นักท่องเที่ยว เหมือนกับการกระตุ้นยอดจำหน่ายให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ

เทศกาล Colorful Bangkok 2022 เป็นความร่วมมือของเครือข่ายภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม และก็ ประชาชน ที่มาร่วมกันสร้างสรรค์งานศิลปะ ดนตรี และก็ แสงสี เพื่อทำให้กรุงเทพฯ กลับมามีสีสัน รวมทั้ง ชีวิตชีวาอีกรอบ ซึ่งได้มีโอกาสบอกคุยกับ “ศานนท์ หวังสร้างบุญ” รองผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ผู้เป็นกำลังสำคัญของการจัดเทศกาลยิ่งใหญ่ ในช่วงปลายปีคราวนี้

ศิลปะ เทศกาล

กรุงเทพฯ เมืองแห่งสีสัน

“เกิดจากความท้าทายหลายอย่าง ตัวอย่างเช่น พวกเรา พึ่งจะผ่านวิกฤตโควิด-19 พวกเราพึ่งเปิดประเทศ เป็นปีแรกที่เราจะได้ลอยกระทง เป็นปีแรกที่พวกเราจะได้ออกมาเจอหน้าคน และ เป็นปีแรกที่จะมีนักท่องเที่ยวเกิน 10 ล้านคน ผม คิดว่า ทุกคนพร้อมใจอยากจัดอะไรบางอย่าง

ด้วยเหตุนี้ หน้าที่เมือง อาจไม่ใช่คนที่มาจัดอีกคนหนึ่ง แต่หน้าที่ของเมือง คงจะเป็นคนอำนวยความสะดวกมากกว่า เป็นคนดึงคนซ้ายมาเจอคนขวา ดึงคนหน้ามาเจอคนหลัง ดึงคนที่เก่งด้านไฟมาเจอคนเก่งดนตรี ดึงคนเก่งสถานที่มาเจอคนที่เก่งเรื่องการทำศิลปะ” ศานนท์ เริ่มอธิบาย

เทศกาล Colorful Bangkok 2022 เป็นเทศกาลศิลปะที่จัดครอบคลุมตลอดทั้ง 3 เดือน ระหว่างพ.ย. 2565 – มกราคม 2566 เพื่อเปิดพื้นที่สาธารณะ จัดกิจกรรมให้คนกรุงเทพฯ คนจากจังหวัดอื่น แล้วก็ นักท่องเที่ยว ได้สัมผัสงานศิลปะหลากหลายรูปแบบ ดูแสงไฟตามสถานที่สำคัญทั่วเมือง และ สนุกสนานไปกับดนตรีที่จะจัดขึ้นในสวนสาธารณะของกรุงเทพฯ

ซึ่งถือเป็นการร่วมมือกันของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวพัน รวมทั้ง มี กทม. เป็นผู้ช่วยเหลือประสานงาน รวมทั้ง ให้การส่งเสริม

“ผมว่า อันนี้คือบทบาทของ กรุงเทพมหานคร ซึ่งพวกเราก็ทำอย่างตลอด ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ธันวาคม มกราคม พวกเรา เชื่อว่า 3 เดือนนี้เป็น 3 เดือนที่สำคัญที่สุดของปี 2022 จนกระทั่งไปถึงต้นปี 2023 เพราะ เป็นปีหัวเลี้ยวหัวต่อที่พวกเราต้องดึงนักท่องเที่ยวให้ได้มากที่สุด แข่งกับเมืองอื่น

เพราะ กรุงเทพฯ เรา มีอะไรที่มีสีสัน รวมทั้ง คงไม่มีช่วงไหนที่เมืองจะมีชีวิตชีวาได้เท่าช่วง 3 เดือนนี้แล้ว” ศานนท์ กล่าว

ศิลปะ คุยเรื่อง

ศิลปะ เชื่อมคน เชื่อมเมือง

ศิลปะไร้พรมแดน แล้วก็ ครอบคลุม ไปถึงงานสร้างสรรค์ที่หลากหลาย อาทิเช่น จิตรกรรม กราฟิตี้ ร้องเพลง เต้นรำ ฯลฯ ซึ่งความหลากหลายของงานศิลปะนี้เอง ที่เป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่กรุงเทพฯ ต้องเก็บรวบรวม รวมทั้ง ทำให้เข้าถึงทุกคนอย่างแท้จริง

ซึ่งศานนท์ บอกว่า กรุงเทพฯ จำเป็นต้องต้องให้การสนับสนุน รวมทั้ง สร้างความร่วมมืออย่างทั่วถึง พร้อมด้วยช่วยประชาสัมพันธ์งานต่างๆ ที่เกิดขึ้นในระหว่าง 3 เดือนของเทศกาลอย่างเต็มที่

“ศิลปะกว้าง เพียงพอที่จะห่อหุ้มทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้น แล้วพวกเราก็มั่นใจว่า ต้องมีสักเดือนที่เรา ให้ความเอาใจใส่กับสิ่งที่เป็น soft power เรา พูดถึงอะไรที่จับต้องได้มาเยอะ แต่ว่าบางทีศิลปะ ก็เป็นเรื่องที่จับต้องได้ยาก

พวกเราในฐานะเมือง เรา จึงต้องดึงสิ่งที่จับต้องไม่ได้ มาเป็นธีมให้ได้ แล้วมันก็บางทีอาจจะเป็นจิตวิญญาณของหลายคน ผมมีความรู้สึกว่า คนที่ขับเคลื่อนด้วยศิลปะมีเยอะแยะมาก แล้วก็ สังคมก็ขับเคลื่อนด้วยการอยู่กันแบบนี้

โดยเหตุนี้ เมืองไม่ใช่สิ่งก่อสร้าง แต่เมืองคือผู้คน ผู้คนขับเคลื่อน และก็ มีจิตวิญญาณที่ห่อหุ้มด้วยศิลปะ และ ศิลปะก็เป็นส่วนหนึ่งที่พวกเราต้องขับเคลื่อน แล้วก็ ส่งเสริม” ศานนท์ ชี้

ศิลปะ เพื่อเศรษฐกิจของเมือง

“ปฏิเสธไม่ได้ว่า ปากท้องต้องเดินตลอด เทศกาลอะไรแบบนี้ ก็เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น และก็ มันจะทิ้งคำถามบางอย่างเอาไว้มากกว่า อย่างตอนที่พวกเราจัดกรุงเทพกลางแปลง มันก็ทิ้งคำถามว่า แล้วอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในตอนนี้ เป็นอย่างไร

พอพวกเราเห็นข้อนี้ พวกเรา ก็เอางานเทศกาลมาจุดประกาย พวกเรา เอางานเทศกาลมาทำให้คนเห็นว่า มันมีรูปแบบของการดูหนังแบบนี้ด้วย ผมว่า ก็คล้ายๆกัน Colorful Bangkok 2022 บางทีอาจจะเป็นตัวจุดประกายให้อุตสาหกรรมสตรีทอาร์ต อุตสาหกรรมละคร อุตสาหกรรมเทศกาลศิลปะชุมชน” ศานนท์ ระบุ

นอกจากการ “จุดประกาย” คำถามต่ออุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับงานศิลปะ รวมทั้ง ความสร้างสรรค์แล้ว กรุงเทพมหานคร ก็ตั้งเป้าหมายที่จะยกระดับอุตสาหกรรมนั้นๆ พร้อมกับสร้างเศรษฐกิจให้กับเนื้อเมือง หรือ ย่านต่างๆของกรุงเทพฯ

ซึ่งการจัดเทศกาลที่เกิดขึ้น จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ตลอดถึงการต่อยอดเศรษฐกิจในด้านต่างๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ ถือเป็นหัวใจของ“Festival Economy” ที่ต้องเดินต่อไป

“พวกเรา คงไม่หยุดระดับเมือง เรา ต้องไประดับนานาชาติ แล้วพวกเราต้องไปในระดับโลก ผมว่า เราต้องตั้งเป้าหมายแบบนั้น ผมรู้สึกว่า กรุงเทพฯ มีประสิทธิภาพสูงมาก พวกเรา เชื่อเหลือเกินว่า ปีหน้า หรือ ปีต่อไป ยังไงเราต้องเป็นระดับโลก พวกเรา ต้องปักหมุดให้ทั่วโลกต้องมากรุงเทพฯ มันต้องเกิดขึ้นแน่” ศานนท์ กล่าวปิดท้าย

แดนนี่ บ้านโยก รับผิดแย่งไมค์ ขอแบบไม่ได้ขอ พอจบรายการลำบากถึง แจ๊ส ชวนชื่น

แดนนี่ โหนกระแส

แดนนี่ จากกรณี คลิปสุดร้อน ในโลกโซเชียลมีเดีย ที่ผู้ใช้ เฟซบุ๊ก ชื่อ Wanchai Pokpon ได้โพสต์เล่า เหตุการณ์ ถูกชายหนุ่ม คนหนึ่ง ซึ่งสวมเสื้อฮู้ดสีดำ ขึ้นมาแย่งไมค์

นักร้อง ของวง ขณะกำลัง ทำการแสดง ในร้านอาหาร แห่งหนึ่ง และยังไปแย่งเอาเบส มาเล่นบนเวที ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ร้อนแรง มีการด่าหนุ่มในคลิปว่า ไร้มารยาท และ

กลายเป็น ประเด็นโต้เถียง รุนแรงขึ้นอีก เมื่อหนุ่มในคลิป ออกมาอัดคลิปลง TikTok โต้ตอบชาวเน็ต ที่เข้ามาด่าทอ พูดว่าคนที่ตามด่าทอตนและเพื่อนๆ มีมารยาทมากนักหรือ? มีอะไรก็ให้มากล่าวกับตนผู้เดียว เพื่อนคนอื่นไม่ได้เกี่ยวด้วย

แดนนี่ แย่งไมค์
ล่าสุด รายการโหนกระแส เชิญทั้งสองฝ่ายมาบอกคุยถึงประเด็นร้อนแรงในรายการ

โดยทางวง เล่าเหตุการณ์ว่า ไปเล่นดนตรี ในผับแห่งหนึ่ง ที่แก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ จู่ๆพี่ผู้ชาย ในคลิปก็เดินขึ้นเวที แบบไม่บอกไม่กล่าว มาดึงไมค์ไปจากมือ บอกให้ตน อยู่เฉยๆ

และเอาไมค์ไปร้องเพลงแบบในคลิป หลังจากร้องจบ ยังไปถาม นักดนตรีในวงว่า เล่นเพลงนั้น เพลงนี้ได้ไหม ก่อนจะบอกให้เล่นเพลง “แดงกับเขียว” ของ ไททศมิตร และมาเอาเบส จากมือเบสไปเล่น แถมยังเล่นผิดคีย์ จนกระทั่งทำให้นักร้อง ร้องตามเพลงไม่ได้

แดนนี่ร้องเพลง

ขณะที่ แดนนี่ RS บ้านโยก หนุ่มแย่งไมค์ ยอมรับผิดว่า ในวันเกิดเหตุ ตนดื่มกระทั่งเมา ด้วยความที่ เคยเล่นดนตรี เคยร้องอยู่ที่ร้านของตน

มาก่อน พอทางวง เล่นเพลงที่ชอบ ก็เลยขอขึ้นไปร้อง แต่ว่าก็ยอมรับว่าเป็นการ “ขอแบบไม่ได้ขอ” ส่วนเรื่องเล่นเบส แดนนี่เล่าว่า ตนไปถาม นักดนตรีว่าเลยเพลงนั้น เพลงนี้ได้ไหม เขาก็

กล่าวว่าเล่นไม่ได้ สุดท้ายถามว่าเล่นเพลง “แดงกับเขียว” ของ ไททศมิตร ได้ไหม ทางวงพูดว่าเล่นได้ ก็เลยเดินไปขอมือเบสว่า “ขอยืมเบสหน่อย” ยืนยันว่าบอกดีๆโค้งหัวให้ด้วย ซึ่งก็ยอมรับว่าขณะที่เล่นเบส เล่นผิดคีย์จริงๆ

แดนนี่ ขอโทษ

แดนนี่ บอกอีกว่า

หลังจากจบเหตุการณ์ ในวันดังกล่าว ทางวงเขา ไปโพสต์ต่อว่า ว่าตนไม่มีมารยาท มีชาวเน็ตหลายๆคนเข้ามาด่าตน ด่าทอถึงพ่อถึงแม่ หลายคนลุกลามไปทักหาเพื่อนตน บอกให้เลิกคบ คนอย่างตน ทำให้ตนโกรธ ทำคลิปออกมาตอบโต้อย่างที่ทุกคนมองเห็น ก็ยอมรับว่า ใช้คำพูดที่ไม่ดี แต่ว่าด้วยความที่ขุ่นเคืองก็เลยทำไปแบบนั้น

แดนนี่ออกรายการ

แต่ภายหลังพูดคุยกันในรายการ ทั้งสองฝ่าย ต่างก็เคลียร์กันจนเข้าใจ บอกว่าจะไม่ไปแจ้งความ
ฟ้องอะไรกันอีก มีการขอโทษ ขอโพย กันด้วยดี ขณะที่ หนุ่ม กรรชัย ยังทิ้งท้ายในรายการ ฝากถึง ทีมงาน JOKER Family ของ แจ๊ส ชวนชื่น
บอล เชิญยิ้ม และ นุ้ย เชิญยิ้ม ขอให้ทำการคัฟเวอร์เหตุการณ์ในคลิปให้ดูหน่อย เพราะว่ารอดูอยู่

ขอโทษทุกคน

หนุ่ม กรรชัย กับเรื่องเดียวที่ขอ… หลังจบดราม่าแย่งไมค์นักร้อง แจ๊ส-บอล-นุ้ย รับเรื่องด่วน !

เป็นดราม่า ที่ถูกกล่าวถึง ในโลกโซเชียลมีเดียไม่น้อยก่อนหน้านี้ กรณีหนุ่มเมา แย่งไมค์นักร้อง – ขอเบสนักดนตรี มาเล่นโชว์ ซึ่งถูกชาวโซเชียล ซัดเรื่อง
มารยาท ก่อนเจ้าตัว จะมีการโต้กลับกับชาวเน็ต จนถึงมีประเด็นต่อ ก่อนที่จะออกมา เปิดใจเคลียร์เรื่องนี้กัน ในรายการ โหนกระแส วันที่ 23 ม.ค. 2566 ซึ่งทั้งหนุ่มแย่งไมค์และทางวงก็ได้ขอโทษขอโพยกันและกันไปเป็นที่เรียบร้อย

โดยภายหลังหมดเรื่องดังกล่าว หนุ่ม กรรชัย พิธีกรดัง ก็ได้กล่าวในช่วงท้ายของรายการว่า “สิ่งที่หวัง สำหรับเรื่องนี้ ไม่ได้หวังอะไรนะฮะ
หวังอย่างเดียวนะครับ อยากให้แจ๊ส ชวนชื่น โคฟเวอร์ เหตุการณ์นี้ หน่อยนะครับ พี่รอดูอยู่ บอล เชิญยิ้ม นะครับ ทุกคน คุณนุ้ย หลายๆท่านนะ ผมตามดูอยู่นะ”

งานนี้ทำเอาหลายคนอดจับตาไม่ได้ ขณะที่ บอล เชิญยิ้ม ก็ได้แชร์ ข้อความดังกล่าว ของ หนุ่ม กรรชัย พร้อมข้อความว่า “ได้ครับพี่หนุ่ม จัดให้ครับผม” ซึ่งแฟนคลับต่างก็บอก เป็นเสียงเดียวกันว่า รอดูเลย !

ชูวิทย์ เปิดเอกสารลับ ใครเป็นผู้ริเริ่มเรื่องฉาว บ้านกงสุลนาอูรู ปลอม

ดีเอสไอ ชูวิทย์

ชูวิทย์เปิดเอกสารลับ ดีเอสไอ กับ ตำรวจ ใครเป็นคนแรกที่เริ่มเรื่องฉาว บ้านกงสุลนาอูรูปลอม ที่สาทร วันที่ 19 มกราคม 2566 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองมีชื่อ โพสต์เฟซบุ๊ก เกี่ยวกับเอกสารลับ ดีเอสไอ มีเนื้อหาดังนี้

ผู้คนสงสัย ว่างานนี้เริ่มจากไหน? ระหว่างดีเอสไอ กับตำรวจ ใครเป็นผู้เริ่มเรื่องฉาว ที่บ้านกงสุลนาอูรูปลอม ที่สาทร เพราะกลายเป็นเรื่องแผลงฤทธิ์ของจีนเทา ตบท้ายมีการ อมเงินของกลาง และก็ปล่อยตัวจีนเทาไป โดยมีเงินตกหล่นไปเกือบจะ 10 ล้าน ผมได้นำคลิปเปิดเปิดเผย ให้เห็นเหมือนหนึ่งนั่งอยู่ในเหตุการณ์

หลังจากนั้นมีการโยน กันไปมา ระหว่างดีเอสไอ กับตำรวจ เอกสารที่โพสต์เป็น “รายงานลับ ที่หัวหน้าชุดดีเอสไอ ได้รายงานถึงอธิบดี” เพื่ออธิบายข้อเท็จจริง การตรวจหา ว่าเงินของกลาง ที่หายไป ตอนยึดไม่ได้ถือว่ามีเท่าไหร่ เอาใส่ถุงแล้วนำส่ง สน.ทุ่งมหาเฆม เลย (โยนความผิดไปให้ตำรวจ 191 เพราะเหตุว่าดีเอสไอไม่ได้ขอหมายค้น แต่เป็นตำรวจที่ขอหมายค้น ดีเอสไอยังไม่ได้ลงรับ เป็นคดีพิเศษ ก็เลยไม่มีหน้าที่โดยตรง ไม่ได้เป็นคนตรวจนับ และก็เซ็นเอกสารการนับเงิน)

ดีเอสไอ แจง

ดีเอสไอ โพสต์
กรณีการขอหมายค้นเจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ แจกแจงว่า

ถ้าเกิดรอรับเป็นคดีความพิเศษ จะไม่ทันการณ์ ผู้ต้องหาจะหนี ก็เลยได้ประสานตำรวจ 191 เป็นการเร่งด่วน เพื่อให้ขอหมายค้น บ้านดังกล่าว (แสดงว่าเรื่องเริ่มจากดีเอสไอก่อน รวมทั้งแทนที่กลัวผู้ต้องหาจะหลบหนี แต่กลับปล่อยหนีไปหมดเสียเอง) ท่านอธิบดีดีเอสไอ คงดีใจที่ถูกเด้ง ด้วยเหตุว่าหน่วยงานดีเอสไอ ในระยะหลังมีแต่ข่าวฉาวมาเป็นระยะๆ

คงเป็นเพราะเจ้าหน้าที่ มาจากร้อยพ่อพันแม่ ต่างคนต่างมา จึงไม่มีใครคุมใครได้ และแต่ละเรื่อง วงเงินไม่ใช่น้อย แบบเดียวกับ ปปง. ท่านอธิบดีจึง ถูกเด้งเซ่นเรื่องจีนเทาไปอีกคนส่งท้าย

อสส.สั่งฟ้อง ตู้ห่าวกับพวก ทุนจีนสีเทารวม 41 คน ข้อหาค้ายา-ฟอกเงิน-อั้งยี่ฯ “นารี” อัยการสูงสุดสั่งฟ้อง ตู้ห่าว กับพวกทุนจีนสีเทารวม 41 ราย นำคำฟ้อง 332 หน้ายื่นต่อศาลอาญา กรุงเทพใต้ หลายข้อหาหนัก ค้ายา-ฟอกเงิน-อั้งยี่-อาชญากรรมข้ามชาติโทษ สูงสุดประหารชีวิต

เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2566 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ผู้รายงานข่าวกล่าวว่า ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุด ได้รับสำนวนการสอบสวนคดี นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าว กับพวก
จากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 13 ม.ค. 66 และ อัยการสูงสุดได้พิจารณา สำนวนการสอบสวนคดี ดังกล่าวแล้ว นั้น

ดีเอสไอจับ

เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 66 น.ส.นารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด

ก็เลยได้มีคำสั่งฟ้อง นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าว กับพวก รวม 41 ราย ในความผิดฐานสมคบ โดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 วัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 แล้วก็ประเภท 4 โดยกระทำการในลักษณะ เป็นการกระทำขององค์กรอาชญากรรม, ร่วมกันจำหน่ายโดยมีไว้เพื่อจำหน่าย ยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจาย ในกลุ่มประชาชน รวมทั้ง โดยมีอาวุธปืนทำให้เกิดผลกระทบ ต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชน, ด้วยกันจำหน่ายโดยมีไว้เพื่อจำหน่าย วัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 และประเภท 4

โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและโดยมีอาวุธปืนทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชน, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และก็ด้วยกันฟอกเงิน, เป็นอั้งยี่ มีส่วนร่วมในองค์กร อาชญากรรมข้ามชาติ โดยเป็นสมาชิกหรือโครงข่ายทำงาน ขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยร่วมมือกันตั้งแต่สองคน ขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรง

เกี่ยวกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ด้วยกันมีอาวุธปืนรวมทั้งเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับใบอนุญาต, ร่วมกันรับคนต่างด้าวทำงานโดย คนต่างด้าวไม่มีใบอนุมัติให้ทำงาน โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย, ด้วยกันให้เข้าพักอาศัย แอบแฝง หรือช่วยด้วยประการใดๆให้คนต่างด้าวที่เข้าเมือง โดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับ

แล้วก็ในวันนี้ (19 มกราคม 2566) เวลา 15.00 น. อัยการสูงสุดได้มอบหมาย ให้สำนักงานคดียาเสพติด สำนักงานอัยการสูงสุด นำคำฟ้อง จำนวน 332 หน้า ไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ และแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับตัวผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี มาส่งฟ้องต่อศาลภายในอายุความตามกฎหมายถัดไป

นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด

เปิดเผยว่า น.ส.นารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งฟ้องร้องคดี นายชัยณัฐร์ หรือตู้ห่าว เมื่อวันที่ 18 ม.ค.2566 ฟ้องนายตู้ห่าวกับพวกรวม 41 ราย ส่งสำนวนให้อธิบดีอัยการ สำนักงานคดียาเสพติด นายจรูญ ธีรนานนท์ รวมทั้งในวันที่ 19 ม.ค.วันนี้สำนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด4 ได้นำคำฟ้องไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ เป็นคดีความหมายเลข ย 87 / 2566 จำเลย 23 ราย ส่วนที่เหลือดำเนินการตามกฎหมายเพื่อให้ได้ตัวมาฟ้องถัดไป

รองโฆษก สำนักงานอัยการสูงสุดกล่าวเหตุว่า โดยมีคำฟ้องรวม 332 หน้าเอกสารท้ายฟ้องอีก 35 แผ่น แล้วก็อัยการสูงสุดได้มีคำสั่ง ที่ 86/66 ตั้งคณะทำงานในการดำเนินคดีถัดไปด้วย ซึ่งคดีนี้ อัยการสูงสุดได้ลงมาช่วยคณะทำงานทำงานทุกวัน หากแม้ในวันเสาร์-วันอาทิตย์ โดยไม่มีวันหยุดแล้วท่านยังติดตามความคืบหน้าในทุกระยะ รวมทั้งกำกับการบริหารงานคดีให้เป็นไปตามกำหนดเวลา

ตามกฎหมายได้ทัน สำหรับข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติดนั้นมีอัตราโทษสูงสุดถึงประหารชีวิตและก็มีอายุความ 30 ปี.

ส่งทีมใต้น้ำค้นหา ผู้สูญหาย เหตุเรือน้ำมันระเบิด จ.สมุทรสงคราม

เรือน้ำมันระเบิด สะเทือน

กู้ภัยมูลนิธิ สว่างเบญจธรรม ส่งทีมใต้น้ำ เริ่มค้นหา ผู้สูญหายอีก 6 คน เรือน้ำมันระเบิด อย่างตลอด ถึงแม้ในเวลากลางคืน ที่ศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจ ชุดช่วยเหลือผู้ประสบภัย องค์การบริหารส่วนตำบลแหลมใหญ่ จังหวัดสมุทรสงคราม ยังคงมีการค้นหาผู้สูญหาย อย่างสม่ำเสมอตั้งแต่ช่วงบ่าย ทั้งบนเรือรวมทั้งในแม่น้ำแม่กลอง

เมื่อคืนที่ผ่านมา มีการยืนยันจาก ชลธี เลาหกรรณวณิช หัวหน้าชุดปฏิบัติการ กู้ภัยมูลนิธิสว่างเบญจธรรม ว่ามีผู้สูญหาย 6 คน โดยมีการแจ้งเพิ่ม หนึ่งคนจากญาติ ที่มาแจ้งติดตามหาคนหายภายหลัง

ตั้งแต่ 17.00 น. ชุดปฏิบัติการ กู้ภัยมูลนิธิสว่างเบญจธรรม ได้เริ่มส่งชุดค้นหาใต้น้ำชุดแรกลงไปในแม่น้ำแม่กลอง จากนั้นจะมีชุดสลับสับเปลี่ยน โดยการค้นหาจะดำเนินไปจนถึงเวลาประมาณเที่ยงคืนหรือตีหนึ่ง จากนั้นจะมีการ ประเมินสถานการณ์ อีกทีว่าจะค้นหาต่อหรือหยุดพัก

เรือน้ำมันระเบิด ทะเล

สำหรับรัศมีการค้นหาจะอยู่ที่ 100 เมตรรอบตัวเรือ โดยระดับน้ำลึกประมาณ 7-8 เมตร

ไปติดตามความคืบหน้าล่าสุด จากปฏิบัติการค้นหา ผู้สูญหายกรณีเรือบรรทุกน้ำมันระเบิด ซึ่งมีการค้นหากัน เกือบจะทั้งคืน จาก คุณหนึ่ง พลเศรษฐ์ หัวหน้าชุดปฏิบัติการกู้ภัยมูลนิธิสว่างเบญจธรรม

เรือน้ำมันระเบิด พื้นที่สมุทรสงคราม สะเทือนไกลหลายกิโลฯ

เกิดเหตุ “เรือน้ำมันขนาดใหญ่” ระเบิด ไฟลุกท่วมในพื้นที่สมุทรสงคราม สะเทือนไกลหลายกิโลเมตร

วันที่ 17 มกราคม 2566 ปภ.สมุทรสงคราม รายงานเหตุด่วน เมื่อเวลาประมาณ 09.10 น. เกิดเหตุ “เรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่” ระเบิด เสียงดังสนั่น

กระทั่งมีเพลิงไหม้ควันดำโขมง พิจารณาได้จากระยะไกล ขณะจอดซ่อมอยู่ในพื้นที่ อบต.แหลมใหญ่ อ.เมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม แรงระเบิด นำมาซึ่งการทำให้อาคารบ้านเรือน ใกล้เคียงได้รับความเสียหาย ชาวบ้านในพื้นที่ เปิดเผย

แรงระเบิดรัศมี สะเทือนไม่น้อยกว่า 7 กิโล ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจทานสาเหตุ หากมีความคืบหน้า จะได้รายงานให้ทราบถัดไป

โดยเหตุระเบิดเรือบรรทุกน้ำมัน ชื่อ SMOOTH SEA 22 เกิดขึ้นภายใน อู่ซ่อมเรือ บริษัท รวมมิตรด็อคยาร์ด จำกัด ต.แหลมใหญ่ อ.เมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม มีผู้ได้รับบาดเจ็บนับสิบราย แล้วก็ยังคงมีผู้สูญหายจำนวนหนึ่ง

ทั้งนี้ กรมเจ้าท่า บอกว่า SMOOTH SEA 22 เริ่มใบอนุญาตใช้เรือ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565 รวมทั้งหมดอายุใบอนุมัติใช้เรือ วันที่ 30 พฤษภาคม 2566 โดยระบุประเภท การใช้บรรทุกผลิตภัณฑ์น้ำมัน ที่มีจุดวาบ ไฟต่ำกว่า 60 องศาเซลเซียส ประเภทเรือกลเดินทะเลเฉพาะเขต เขตการออกเรือ ลำน้ำและทะเลระหว่างจังหวัดตราดกับจังหวัดนราธิวาส

เจ้าท่าฯ ตั้ง กรรมการสอบ เรือน้ำมันระเบิด สรุปใน 10 วัน ล่าสุดเสียชีวิต 3 ราย

กรมเจ้าท่า ตั้งกรรมการสอบเรือน้ำมันระเบิด สรุปใน 10 วัน ตั้งประเด็นอู่ซ่อมเรือบรรทุก วัตถุอันตรายทำตามขั้นตอนหรือไม่ เจอเรือมีน้ำมันเตา 30,000 ลิตร น้ำมันดีเซล 2,500 ลิตร ล่าสุดเสียชีวิตเป็น 3 ราย ยืนยันเยียวยา ตามกฎหมาย

นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รักษาการอธิบดี กรมเจ้าท่า (กรมเจ้าท่า) เปิดเปิดเผยว่า ความคืบหน้า กรณีเหตุเรือบรรทุกน้ำมันสมุธซี 22 ระเบิด ขณะจอดซ่อมบำรุง อยู่ภายในอู่เรือแห่งหนึ่งในพื้นที่ ม.8 ต.แหลมใหญ่ อ.เมือง จังหวัดสมุทรสงคราม เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 17 มกราคม 2566 ซึ่งล่าสุด สามารถควบคุมเพลิงได้ 100% แล้ว ขณะที่มีผู้ตายเพิ่มเป็น 3 ราย ส่วนผู้บาดเจ็บจำนวน 1 ราย

ทั้งนี้ จากการตรวจทานเรือบริษัท รวมมิตรด็อคยาร์ด จำกัด ทะเบียนเลขที่ 61132750004 นั้น พบว่าได้รับอนุญาต ดำเนินการเมื่อปี 2561 ซึ่งสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 3 ออกคำสั่งปิดอู่ที่เกิดเหตุแล้ว

สำหรับเรือน้ำมันสมุธซี 22 สำรวจในขณะที่เกิดระเบิด พบว่ามีน้ำมันเตา ค้างประมาณ 30,000 ลิตร รวมทั้งน้ำมันดีเซล สำหรับขับเคลื่อนเรือ ค้างอยู่ประมาณ 2,500 ลิตร โดยได้แต่งตั้งคณะกรรมการ สอบสวนขึ้นมาเร่งหาข้อเรื่องจริงทั้งหมด โดยมีผู้ที่มีความเชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เบื้องต้นตั้งประเด็นสอบสวน

ได้แก่ การดำเนินการของอู่ต่อเรือ เป็นไปตามกระบวนการ รวมทั้งขั้นตอนความปลอดภัย ที่กำหนดใน การรับเรือขนส่งสินค้าอันตราย เข้าซ่อมแซมครบสมบูรณ์หรือไม่ รวมถึงมีสาเหตุ ปัจจัยอื่นทั้งยังข้างนอกและก็ภายในอื่น ๆ เกี่ยวข้องให้ครบบริบรูณ์ทุกประเด็น

นอกจากนั้น กรมเจ้าท่าจะต้องนำมาตรการ กฎระเบียบ กฎหมาย เกี่ยวกับการอนุญาตอู่ประกอบเรือ การกำกับดูแล แล้วก็เรือขนส่งสินค้าอันตราย เพื่อทบทวนว่ายังมีประเด็นใด ที่ยังไม่ครอบคลุมหรือไม่ เพื่อดำเนินการแก้ไข เพิ่มเติมถัดไป

สำหรับเรือ มีการประภัยภัย ได้แก่ การประกันแบบ Hull & Machinery หรือ H&M ผู้ครอบครองเรือ (ผู้ปฏิบัติการ, ผู้เช่าเรือ) จ่ายเบี้ยประกัน คุ้มครองถึงวันที่ 26 มีนาคม 2566 วงเงิน 60 ล้านบาท
แล้วก็การเข้าเป็นสมาชิกของ P&I Club (Protection and Indemnity Clubs) หรือ การประกันภัย ที่ให้ความคุ้มครองถึงบุคคลที่สาม เจ้าของเรือ (ผู้ปฏิบัติการเรือ, ผู้เช่าเรือ) เป็นผู้จ่ายเบี้ยประกัน คุ้มครองถึงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 วงเงิน 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

เรือระเบิด

ด้าน นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ รองอธิบดี กรมเจ้าท่าด้านปลอดภัย

กล่าวว่า หลังได้รับแจ้งเหตุ ได้เร่งลงพื้นที่ประมาณ 10 โมงเศษ พบว่าไฟยังลุกโชนอยู่ ซึ่งได้มีการพิจารณาข้อมูลเบื้องต้น เพื่อประเมินสถานการณ์ ในการเข้าดำเนินการผจญเพลิง ที่ถูกต้องรวมทั้งปลอดภัย การเกิดระเบิดครั้งแรกทำให้ไฟไหม้ มีความร้อน ฉะนั้นจึงมีการระเบิด ตามมาต่อเนื่อง ซึ่งเกิดจากความร้อน รวมทั้งอาจทำให้เจ้าหน้าที่ ตื่นตระหนก ในการเข้าดำเนินการ รวมทั้งเกิดกระแสข่าวซุบซิบว่าเรือยังบรรทุกน้ำมันอยู่

ซึ่งจากข้อมูล ยืนยันว่าเรือไม่มีผลิตภัณฑ์ที่เป็นน้ำมัน เป็นเรือไม่เพื่อจัดเตรียมการขึ้นอู่ซ่อมใน 1-2 วันข้างหน้า ด้วยเหตุนั้นต้องมีการล้าง ระวางก่อนตามขั้นตอน

ขณะที่เรือลำดังกล่าวต่อขึ้นเมื่อ 4-5 ปีก่อน ถือเป็นเรือใหม่ บรรทุก ผลิตภัณฑ์ที่มีจุดวาบไฟ ต่ำกว่า 60 องศาเซลเซียส บรรทุกผลิตภัณฑ์ประเภท น้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล น้ำมันดิบ ซึ่งมีความไวไฟ จึงมีมาตรการ ที่รัดกุมในการนำเรือขึ้นเพื่อซ่อม

โดยต้องล้างถัง ไล่ก๊าสออกจากระวาง จนถึงมั่นใจว่าไม่มีสิ่งที่ทำให้เกิดระเบิดได้ ด้วยเหตุผลดังกล่าว เมื่อเกิดระเบิดขึ้นดังกล่าว จึงเป็นข้อสงสัยว่าได้ดำเนินการ ตามขั้นตอนครบถ้วนหรือไม่ โดยกรมเจ้าท่าได้ตั้งคณะกรรมการ ขึ้นมาซักถามหาข้อเรื่องจริงสาเหตุที่เกิดขึ้น โดยจะสรุปภายใน 10 วัน

ในเวลาเดียวกันนี้ กรมเจ้าท่าจะรีบประเมินความเสียหาย ที่เกิดขึ้นแก่ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ บ้านเรือนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง ขณะนี้เจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่าอยู่ในพื้นที่เพื่อประสานกับทุกส่วน ทั้งยังบริษัทเรือ อู่ บริษัทประกัน จังหวัด ในเรื่องการดูแลความเรียบร้อย รวมทั้งการชดเชยผู้ได้รับผลกระทบ พื้นฐานประเมินมูลค่าประกัน จะครอบคลุมในการทดแทน ความเสียหายผู้ได้รับผลกระทบ

พูดดีมงลง รวมคำตอบของ "มิสยูนิเวิร์ส 2022" ที่ทำให้ฟาดมงกุฎ 200 ล้านไปครอง

มิสยูนิเวิร์ส 2022 คือ

“R’Bonney Gabriel” สาวสวยจากประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นสาวงามผู้คว้ามงกุฎ มิสยูนิเวิร์ส 2022 ครั้งที่ 71 ไปครอบครอง โดยมงกุฎนั้น มีมูลค่าถึง 200 ล้านบาท ซึ่งถือได้ว่ามงกุฎมิสยูนิเวิร์สที่มีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์

สำหรับความสวยของ R’Bonney Gabriel เรียกว่า ไม่ค้านสายตา แต่ว่าก็มีการกล่าวกันว่า สำหรับการตอบคำถามของเธอนั้น เธอทำได้ดี โดยยิ่งไปกว่านั้น ในรอบ Top 3 ซึ่งเป็นรอบกวาดคะแนนโค้งสุดท้าย ซึ่งพวกเราได้รวบรวมคำตอบของเธอ ตั้งแต่รอบ Top 5 มาจนถึงรอบ Top 3 ก่อนที่จะประกาศผลของการตัดสิน มาให้ทุกคนได้มีโอกาสเดินทางสอบถามความคิดเห็นของมิสยูนิเวิร์ส 2022 คนล่าสุดคนนี้กัน

คำถามในรอบ Top 5 เป็นการตอบคำถามจากการเลือกคำถามของตัวนางงามเอง และ มีเวลาตอบ 30 วินาที โดย R’Bonney Gabriel เลือกได้คำถามจาก Mara Martin หนึ่งในคณะกรรมการตัดสิน โดยคำถามคือ Mara Martin : การแข่งขันมิสยูนิเวิร์สก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาไม่นานนี้ ได้เปิดโอกาสให้คุณแม่ รวมทั้ง หญิงที่สมรสแล้ว เข้าแข่งขันได้ อะไรเป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญที่คุณต้องการเห็น แล้วก็ เพราะอะไร

R’Bonney Gabriel : เรื่องอายุนางงาม สิ่งที่เป็นโค้ดเด็ดของฉัน คือ “ถ้าหากไม่ทำตอนนี้แล้วจะทำตอนไหน” อายุไม่ได้เป็นตัวกำหนด เราต้องลงมือทำในตอนนี้ ไม่ต้องรอสำหรับคำถามในรอบ Top 3 ซึ่งเป็นคำถามจากองค์กรนางงามจักรวาล และก็ ใช้คำถามเดียวกันกับนางงามผู้ผ่านเข้ารอบ 3 คนสุดท้าย โดยแต่ละคนมีเวลาตอบคำถาม 30 วินาที (ไม่รวมล่าม หากเลือกใช้ล่าม) ซึ่ง R’Bonney Gabriel เธอนั้น ก็ตอบคำถามได้ดีอีกด้วยเหมือนกัน

คำถาม : ถ้าเกิดได้รับตำแหน่ง MU 2022 ในปีนี้ คุณจะดำเนินการอย่างไร เพื่อส่งเสริมพลังอำนาจขององค์กรนางงามจักรวาล และก็ ความก้าวหน้าขององค์กรฯ

มิสยูนิเวิร์ส 2022 น้ำตาล

“น้ำตาล ชลิตา” โพสต์ถึง “แอนนา เสืองามเอี่ยม” ภายหลังตกรอบมิสยูนิเวิร์ส2022

“แอนนา เสืองามเอี่ยม ” มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2022 ซึ่งเป็นตัวแทนสาวงามของประเทศไทย ร่วมแข่งขัน Miss Universe 2022 ถึงแม้สุดท้าย เธอจะพลาดไม่ผ่านเข้ารอบการแข่งขัน แต่ทุกคนคงจะมองเห็นแล้วว่า เธอตั้งใจ มุ่งมั่น และ เตรียมตัวเป็นอย่างดี ตลอดมานั่น ก็เลยกล่าวได้ว่า เธอทำดีที่สุดแล้ว

“น้ำตาล-ชลิตา ส่วนเสน่ห์” มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2016 ซึ่งเป็นตัวแทนสาวงามประเทศไทย สำหรับในการประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2016 และ เธอก็สามารถผ่านเข้ารอบ 6 คนสุดท้าย นั่นก็เท่ากับว่า เธอเป็นสาวงามรุ่นพี่ของแอนนา

หากแม้ก่อนแข่งขันรอบตัดสินเพียงไม่กี่ชั่วโมง ก็เกิดกระแสดราม่าขึ้น เนื่องจาก น้ำตาล ได้มีการโพสต์ข้อความคาดการณ์ Top 5 ของเวที Miss Universe 2022 กลับไม่มีชื่อของแอนนา นั่นก็เลยให้ชาวโซเชียลเข้ามาคอมเมนต์กันจำนวนมาก และ

ถัดมา น้ำตาล ก็ออกมาโพสต์เคลียร์ประเด็นดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ไปเรียบร้อยแล้ว

ล่าสุด น้ำตาล ได้ออกมาโพสต์ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวว่า “น้องเก่งมาก น้องทำหน้าที่ตัวแทนได้ดีมากๆ น้องชนะใจคนไทยทุกคน เป็นกำลังใจให้น้องกัน @annasnga_1o”

และก็ ในเฟซบุ๊กส่วนตัว ได้มีการโพสต์ว่า “หนูเก่งมาก”

นับเป็นกำลังใจจากรุ่นพี่นางงามที่น่าชื่นชม

มิสยูนิเวิร์ส 2022 เจ้าของ

ทรงพลังอย่างแรง “แอน จักรพงษ์” กับสปีชหยุดโลกบนเวที มิสยูนิเวิร์ส 2022

การแข่งขันรอบตัดสิน Miss Universe 2022 ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 71ในนิวออร์ลีนส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เสร็จสิ้นไปแล้ว คนส่วนมาก โฟกัสไปที่ Miss Universe 2022 คนล่าสุด นั่นก็คือ “R’Bonney Gabriel” สาวงามจากอเมริกา ซึ่งเราก็จะต้องขอแสดงความยินดีด้วยอีกครั้ง

อย่างไรก็แล้วแต่ เนื่องจากว่า ในปีนี้ การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ก็เกิดขึ้นกับองค์กรนางงามจักรวาล หรือ Miss Universe Organization (MUO) เนื่องจาก ผู้ที่เป็นเจ้าของคนใหม่ก็คือ”คุณแอน-จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์”

ซึ่งนับว่าเป็นหญิงคนแรกที่ครอบครององค์กรนางงามจักรวาล และก็ บนเวทีประกวดรอบตัดสิน Miss Universe 2022 ครั้งนี้ เธอก็ขึ้นไปกล่าวสุนทรพจน์ทรงพลัง และก็ นับเป็นสปีชหยุดโลก ซึ่งมั่นใจว่า จะโดนใจผู้หญิง และ ชาวโลกทุกคน โดยมีรายละเอียดว่า

“ฉันรักทุกคน ขอบคุณทุกคนที่มา เป็นเวลา 70 ปีแล้ว ที่องค์กรนางงามจักรวาลครอบครองโดยผู้ชาย หมดเวลายุคของผู้ชาย ผู้หญิง ควรจะเป็นผู้นำ ถึงเวลาของผู้หญิงที่จะขึ้นบังเหียน และก็เป็นผู้นำ ขอต้อนรับสู่แพลตฟอร์มใหม่ จะส่งเสริมพลังของหญิงทั่วโลก

นำโดยผู้หญิง โดยผู้หญิงข้ามเพศ เพื่อผู้หญิงทุกคน เพื่อเฉลิมฉลองพลังแห่งสิทธิสตรีนิยม ความแตกต่างหลายทางด้านวัฒนธรรมอันน่าภูมิใจ สังคมที่ไม่ยอมทิ้งใครไว้ข้างหลัง ความทัดเทียมทางเพศ ความสวยงามแห่งมวลมนุษยชาติ เมื่อครั้งที่ฉันเกิดมาเป็นหญิงข้ามเพศ ฉันก็ถูกบูลลี่ และก็ ถูกคุกคามทางเพศ เคยถูกไม่ยอมรับจากสังคม

เพราะเหตุว่า คนเหล่านั้น ไม่ต้องการที่จะอยากโอบอุ้มความแตกต่างหลากหลาย แต่ว่าคุณรู้ไหม…ฉันรักคุณ จากส่วนลึกของหัวใจ เพื่อที่จะไม่ยอมแพ้ ฉันเปลี่ยนแปลงความเจ็บปวดรวดร้าวให้เป็นพลังอำนาจ

แล้วก็ เปลี่ยนบทเรียนเหล่านี้ในชีวิต ให้กลายเป็นสติ และก็ ปัญญา เวทีแข่งขัน Miss Universe จะช่วยยกฐานะผู้หญิงทุกคนให้เข้มแข็งมากพอ ดีพอ มีคุณสมบัติที่เหมาะสม รวมทั้ง ผู้หญิงจะไม่ถูกใช้เป็นวัตถุอีกต่อไป

นั่นก็เป็นที่มาของการที่ทำไม ฉันถึงได้เสนอแนะแนวคิดนี้ ในฐานะของเจ้าของ ภาวะการเป็นผู้นำ จะสร้างการเปลี่ยนแปลงเพื่อผลักดันให้เกิดชุดคุณค่าที่ยั่งยืนขององค์กรมิสยูนิเวิร์ส และก็ เป็นมรดกส่งต่อในฐานะแสงนำทางไปสู่ความรุ่งเรืองในอนาคต”

โดยบรรยากาศระหว่างการขึ้นกล่าวสุนทรพจน์นั้น เต็มไปด้วยเสียงร้องชื่นชมที่แอน จักรพงษ์ ขึ้นมากล่าวแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวของเธอให้ชาวโลกรับรู้

"จิ๊บ คีตภัทร" ขอเคลียร์ ปมคลิปฉาว ยันไม่ใช่ตัวเอง ฟ้องแน่ ทำเสียหาย

จิ๊บ คีตภัทร โพสต์

ดาราสาวยุค 90 “จิ๊บ คีตภัทร อันติมานนท์” โพสต์ IG ชี้แจงเรื่องข่าวหลุด ที่หลายคนเดาว่าเป็นตัวเอง ยืนยันไม่ใช่ เพราะมาหาครอบครัว ที่สหรัฐอเมริกา ลั่นดำเนินดคีแน่ๆ ฐานทำให้ตนเกิดความเสียหาย ยันไม่ใช่ นางเอก จ. ถูกปล่อยคลิปลับ เจอเรียกเงิน 4 แสน จ่อเอาผิด คนกุข่าวมั่ว ทำเสียหาย เพื่อรักษาสิทธิ และความถูกต้องให้ถึงที่สุด

จิ๊บ คีตภัทร ข่าว

เป็นประเด็นร้อน กระเทือนวงการบันเทิง

ภายหลังที่ผู้ใช้แอปพลิเคชั่น TikTok รายหนึ่ง ได้ออกมาอ้าง เผยข้อความว่า “มีข่าวหลุด!! อดีตนางเอกดังช่องหลายสี แอบไปซื้อหนุ่มนอกวงการกิน แล้วโดนหนุ่มอัดคลิป แบล็กเมล์ เรียกเงิน 4 แสน ปัจจุบันมีคลิปหลุดออกมา เร็ว ๆ นี้ เจ้าตัวจัดเตรียมแถลงข่าวแน่ๆ” ถัดมา ก็ได้โพสต์อีกว่า

“โดนแล้ว! อดีตนางเอกดัง ช่องหลายสี ชื่อย่อ จ. เข้าแจ้งความเอาผิดหนุ่มนอกวงการ หลังขายคลิปตัวเอง ที่กำลังมีอะไรกัน ให้กลุ่มลับ กลุ่มหนึ่ง ในราคา 4 แสนบาท ซึ่งความยาวคลิปเต็ม 21 นาที เห็นหน้าตนเองชัดเจน เลยทำให้เกิดความเสียหาย เจ้าตัวลั่น ไม่ยอมความ พร้อมเอาเรื่อง ให้ถึงที่สุด” กระทั่งส่งผลให้เกิด การคาดเดากันไปต่าง ๆ นานา ว่าอดีตนางเอก จ. ช่องหลากสี นั้นเป็นคนไหน ซึ่งหนึ่งในนั้น ก็มีชื่อของ “จิ๊บ – คีตภัทร อันติมานนท์” นักแสดงสาว ยุค 90 ผุดขึ้นมา ว่าใช่หรือเปล่า

ล่าสุด วันนี้ (13 ม.ค. 2566) “จิ๊บ” ได้ออกมาอธิบายประเด็น ที่ถูกโยง ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว

รับรองว่า ไม่ใช่คนในข่าวอย่างแน่นอน พร้อมจะฟ้องตามกฎหมาย กับคนที่ทำให้เจ้าตัว และก็ ครอบครัว ได้รับความเสียหาย โดยกล่าวว่า

“ขออนุญาตชี้แจงข่าวที่เป็นประเด็นอยู่ตอนนี้นะคะ ว่าไม่ใช่จิ๊บแน่นอนค่ะ

จากข่าวที่มีการใช้ชื่อหรือเจตนาใช้ภาพจิ๊บซึ่งทำให้ เกิดความเข้าใจผิดและเสียหายต่อตัวจิ๊บ ครอบครัว และแฟนเป็นอย่างมาก ซึ่งไม่เป็นความจริง ไม่ได้เกิดเรื่องและไม่ได้มีการไปแจ้งความดำเนินคดีใดๆ อย่างในข่าว จิ๊บมาหาครอบครัวที่อเมริกาเป็นเวลา 3 เดือนแล้วค่ะ

อยากขอให้ทุกคนใช้วิจารณญาณในการเสพข่าวส่วนผู้ที่ทำให้จิ๊บและครอบครัวได้รับความเสียหาย จะขอดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อรักษาสิทธิ และความถูกต้องให้ถึงที่สุด ขอบคุณทุกๆ กำลังใจที่ส่งเข้ามานะคะ”

พร้อมเขียนแคปชั่นใต้โพสต์ด้วยว่า “ขออนุญาตชี้เเจงข่าวที่เป็นประเด็นอยู่ตอนนี้นะคะ ว่าไม่ใช่จิ๊บเเน่นอนค่ะ”

โดยแฟนคลับ ต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็น และ ส่งพลังใจ ให้สาวจิ๊บ อย่างล้นหลาม มากมาย

ทำเอาโลกออนไลน์ร้อนแรงอย่างมากมาย หลังจากก่อนหน้านี้ มีข่าวซุบซิบแรง ว่ามีอดีตนางเอก จ. ช่องหลายสี ถูกขู่ ปล่อยคลิปลับ คลิปฉาว เรียกเงิน 4 แสนบาท ซึ่งหลายคนก็เดาไปเรื่อย และ สุดท้ายคนจำนวนไม่น้อยมาพุ่งเป้า ที่อดีตนางเอกชื่อดัง จิ๊บ-คีตภัทร อันติมานนท์ ที่ถูกโยงว่า เป็นคนภายในคลิปฉาว ทำเอาเธอเสื่อมเสียชื่อเสียงขึ้นมาทันที

จิ๊บ คีตภัทร สวย

เปิดประวัติ “จิ๊บ คีตภัทร” สาวสวยฝีมือดี ที่คนอยากรู้จัก ให้มากขึ้น

ความคืบหน้าล่าสุด ในโลกออนไลน์ มีหลายคนถามไถ่มาจำนวนมาก ว่าสาวจิ๊บ ประวัติมีอะไรยังไงบ้าง บ้างก็พูดว่าสวยเด่น อยากทราบงานก่อนหน้าที่ผ่านมา จะได้ไปดูย้อนหลัง งานนี้พวกเราเลยไม่พลาด มาอัพเดทให้แล้วจ้า…

คีตภัทร อันติมานนท์ ชื่อเล่น จิ๊บ เกิดเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2527 เป็นนักแสดงในสังกัดดาราวิดีโอและสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 จิ๊บเป็นลูกครึ่งไทย-อังกฤษ เป็นลูกสาวคนเล็กของครอบครัวอันติมานนท์ จิ๊บเป็นนักแสดงสาวชาวไทย ซึ่งเป็นน้องสาวของนักแสดงชายคือ จิม-เจจินตัย แวนดิว นั่นเอง…

โดยจิ๊บเริ่มเข้าสู่วงการสายบันเทิงไทยเป็นนักแสดงมีผลงานเรื่องแรกเช่น กว่าจะรู้เดียงสา แสดงคู่กับ วี-วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ เป็นที่รู้จักในบทบาท แว่นทิพย์ ซึ่งเป็นนางเอกในละครหลังข่าวเรื่องแรกเมื่อในปี 2543 และละครเรื่อง เจ้าสัวน้อย และผลงานที่แสดงคู่กับ วี-วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ อีกหนึ่งเรื่องละครเรื่อง ลูกหลง ทำให้คีตภัทรเป็นนักแสดงที่รู้จักกันและมีชื่อเสียงในยุคนั้น ต่อมาจิ๊บรับงานละครหลายๆเรื่อง และเป็นการพลิกบทบาทเป็นนางร้ายและเป็นนักแสดงที่มีคุณภาพและมีความสามารถด้านการแสดงอีกคับคั่ง

สำหรับผลงานโดดเด่นของสาวจิ๊บนั้นมีมากมายหลายเรื่อง อาทิ กว่าจะรู้เดียงสา, กามเทพลวง, ลูกหลง, เบญจา คีตา ความรัก, รักล้นซอย, ยอดชายนายโข่ง, ทิวลิปทอง เป็นต้น

ผลงานเพลงประกอบละคร เพลง ดนตรีในหัวใจ เพลงประกอบละครเบญจา คีตา ความรักขับร้องร่วม เพลง เพื่อวันที่ดีกว่า เพลงประกอบละครเบญจา คีตา ความรักขับร้องร่วม

ในปัจจุบันนี้นอกจากงานในวงการบันเทิงแล้ว ยังทำงานมีธุรกิจส่วนตัว รวมไปถึงเธอยังมีธุรกิจส่วนตัวควบคู่ไปด้วย และนอกจากนั้นเธอยังเป็นพาร์ทเนอร์ร้านอาหารไทยที่ชื่อ Noi Thai Cuisine Greenlake ที่ Seattle ประเทศสหรัฐอเมริกา อีกด้วย

เอฟซีเดือด ซาแซงแฟนรุมประชิดตัวศิลปิน บินส่วนตัวที่สุวรรณภูมิ ดันแฮชแทกพุ่ง

แจมิน มาไทย

เอฟซีเดือด ซาแซงแฟนรุมประชิดตัว แจมิน บินส่วนตัวที่สุวรรณภูมิ ดันแฮชแทกพุ่ง เรียกว่าเป็นข้อความสำคัญร้อนในโลกออนไลน์ข้ามคืน พุ่งติดเทรนด์อันดับ 1 ทวิตเตอร์ ทั้งติดเทรนด์ไปกระทั่งเช้าวันนี้ในท็อป 5 ยังไม่ลง เมื่อมีเหล่าซาแซงแฟน หรือ กลุ่มแฟนคลับที่คอยตามติดศิลปิน ลุกล้ำ และก็คุกคามความเป็นส่วนตัว รวมไปถึงการสร้างความรำคาญให้กับศิลปิน จำนวนหนึ่งเข้าไปรุมศิลปินระหว่างเดินทางส่วนตัวคนเดียวที่สนามบินสุวรรณภูมิ

แจมิน เอ็นซีที

โดยในทวิตเตอร์ มีคลิปวิดีโอหนึ่งที่เผยแพร่ขณะที่แฟน ๆ สายสิบคน เดินเข้าไปรุม แจมิน

ถ่ายภาพ ถือกล้อง ประชิดตัวศิลปิน ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้คนที่ใช้บริการในสนามบินที่ไม่เกี่ยวข้อง เดินออกจากบริเวณดังกล่าว พร้อมระบุใจความว่า “คือผมไม่รู้ว่าเขาเป็นใครแต่ มันขนาดนั้นเลยหรอ รุมเขาโพดโพ มันเกินไป๊”

แจมิน ทวิต

ทำให้แฟนคลับจำนวนมาก ต่างไม่พอใจ และ ติเตียนการกระทำดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการเปิดเผยในทวิตเตอร์
ว่ามีแอคเคาท์ทวิตเตอร์บางแอคเคาท์ นำเอาไฟล์ทบินของศิลปินมาขายต่อ ก่อนจะปิดแอคเคาท์หนี โดยมีทั้งยังไฟล์ทของ แจมิน ศิลปินในคลิปวิดีโอ และก็ เหรินจวิ้น เพื่อนร่วมวง NCT Dream ที่เดินทางมาไทย พร้อมด้วย เตนล์ วง NCT สมาชิกชาวไทยที่พึ่งจะเดินทางกลับเมื่อไม่กี่วันก่อน

ทั้งนี้ แฟน ๆ ผู้คนจำนวนมากเห็นว่า การกระทำของซาแซงแฟนดังกล่าว เป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวของศิลปิน โดยยิ่งไปกว่านั้นอย่างยิ่ง เมื่อปีที่ผ่านมา แจมิน พึ่งเดินทางมาร่วมคอนเสิร์ตรวมในประเทศไทย รวมทั้งประทับใจมาก โพสต์ภาพต่างๆ ลงในอินสตาแกรม เป็นภาษาไทย ว่า รักแฟน ๆ ชาวไทย

แจมิน ข่าว

โดยในระยะนี้ NCT Dream ศิลปินประเทศเกาหลีมีชื่อ

ที่มียอดขายอัลบั้มกว่า 3 ล้านชุด แล้วก็เพิ่งจะประกาศทัวร์คอนเมืองไทย กำลังอยู่ในช่วงได้หยุดพัก หลังจากที่ทำงานอย่างหนักตลอดทั้งปี โดยเพิ่งจะปล่อยเพลงปัจจุบันอย่าง Candy ออกมา การเดินทางมาเที่ยวที่ประเทศไทยคราวนี้ ก็เป็นแบบส่วนตัว ซึ่งสื่อประเทศเกาหลียังไม่เคยรู้ และไม่มีการ์ดเดินทางมาด้วย

รวมทั้งแฟนคลับผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยก็ไม่รู้ ทำให้หลายคนรู้สึกแย่ที่ซาแซงแฟนมีพฤติกรรมดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่างยิ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยในการต้อนรับแล้วก็ส่งศิลปินที่สนามบินมาโดยตลอด การกระทำคราวนี้ก็เลยทำลายชื่อเสียงในประเทศ

น้องแจมิน

และมีการติดแฮชแทก #ซาแซง-เ-ีย จนถึงพุ่งติดเทรนด์ทวิตอีกด้วย

ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยยังประณามแอคเคาท์ต่าง ๆ ที่นำเที่ยวบินของศิลปินมาขาย โดยมองว่าเป็นการคุกคามความเป็นส่วนตัวศิลปิน และ คิดว่า ความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญ และก็สงสัยว่าคลิปดังกล่าวมาได้อย่างไร

แจมินน่ารัก

15 เรื่องจริงของ นา แจมิน รอยยิ้มของ NCT

Na Jaemin (นา แจมิน) หรือที่หลาย ๆ คนรู้จักกันในนาม นานา หรือ แจมิน NCT ผู้ชายที่ทำให้ใคร ๆ ก็ต้องหลงรัก แค่เพียงได้เห็นรอยยิ้มสวย ๆ ของเขาเท่านั้น

ประวัติ
ชื่อ : 나재민 -Na Jaemin (นา แจมิน)
เกิด : วันอาทิตย์ที่ 13 ส.ค. 2000 (พุทธศักราช 2543)
สูง : 177cm.
หมู่เลือด : AB
MBTI ISFJ-T
ยูนิต : NCT DREAM, NCT U
สังกัด : SM Entertainment
Instagram : @na.jaemin0813

พอจะรู้จักแจมินกันมากขึ้นแล้ว เรามาดูความเป็นจริง 15 ข้อที่ผู้คนจำนวนมากอาจจะยังไม่เคยทราบ เกี่ยวกับแจมินกัน

1. แจมินเกิดที่จอนจู ในจังหวัดช็อลลาเหนือ ใกล้ ๆ ปูซาน แล้วมาโตที่โซลเลย แจมินเลยพูดสำเนียงโซล

2. แจมินเป็นลูกคนเดียว รวมทั้งต้องการมีน้องสาว (แจมินชอบให้คนเรียกว่าโอ้ปป้า เนื่องจากว่าเวลามีคนเรียกเขาว่าโอ้ปป้า มันเป็นความรู้สึกที่ดีมาก ๆ )

3. ชอบศึกษาเรื่องรถ โดยเฉพาะ Sport car

4. ผลไม้ที่แจมินชอบทานมากที่สุดคือพีช และก็สัตว์ที่แจมินถูกใจที่สุดคือ สุนัข

5. ทานผลิตภัณท์จากนมวัวไม่ได้ เนื่องจากร่างกายย่อยผลิตภัณท์จากนมวัวได้ไม่ค่อยดีนัก แถมยังไม่ชอบดื่มนมด้วยด้วยเหตุว่าตอนเด็ก ๆ แม่บังคับให้ดื่มนมตลอด

6. ทำอาหารเป็น และก็ทำได้ดีด้วย

7. อาหารที่แจมินชอบเป็น Fast food ต่าง ๆ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไก่ทอด พิซซ่า รวมทั้งของหวานต่าง ๆ
ดังเช่นว่า เยลลี่ ช็อคโกแลต นมช็อคโกแลต รวมทั้ง ชาเขียว

8. เครื่องดื่มที่แจมินชอบที่สุดคือ กาแฟ เพราะรสขม ๆ ของกาแฟที่ทำให้เขารู้สึกตื่นตัว แจมินเลยดื่มกาแฟเพิ่ม Espresso 4 ช็อต 6 แก้วต่อวัน
แต่เดี๋ยวนี้ลดเหลือเป็น 2 แก้วแล้ว เพราะแฟน ๆ เริ่มเป็นห่วงสุขภาพของแจมิน

9. แจมินถูกใจสั่งชานมที่ความหวาน 100%

10. เวลาต้มบะหมี่แจมินจะใส่ผักชีลงไปเยอะแยะแบบผักชี 1 ถ้วย ต่อบะหมี่ 1 ชาม

11. ถูกใจเล่นแบดมินตัน จนถึงทำเป็นงานว่าง และกีฬาที่แจมินไม่ชอบเลยคือเล่นฮูลาฮูป
นอกจากนั้นงานว่างของเขายังมี ดูอนิเมะ ฟังเพลง ถ่ายรูป และ การซื้อเสื้อผ้าและก็รองเท้า

12. ถูกใจถ่ายภาพมาก ๆ อีกทั้งแบบฟิล์มและแบบดิจิตอล หลังจากนั้นเขาจะเอารูปที่ถ่ายมารีทัชด้วยตัวเองทั้งหมด ก่อนจะส่งให้เมมเบอร์แต่ละคน

13. ชอบฤดูใบไม้ร่วงมากที่สุด ถูกใจฤดูใบไม้ร่วงก็จริง แต่แจมินก็เลือกที่จะออกไปภายนอกในวันที่แดดออก เพราะว่าเขาถูกใจอากาศแบบนั้นมากกว่า

14. แม้กระทั่งจะเป็นตอนกลางวันก็ตาม แจมินจะปิดมู่ลี่ในห้องไว้ตลอด เพราะเหตุว่าเขาไม่ค่อยชอบแสง แล้วก็แน่นอนว่าเขาก็ไม่ค่อยถูกใจให้ห้องนอนของตนมีแสงด้วยเช่นกัน

15. มีลำโพงอยู่รอบห้องนอนของเขาประมาณ 10 กว่าอัน เพราะเหตุว่าสิ่งที่แจมินมักจะทำที่สุดเวลาพักผ่อนอยู่ที่หอ คือการนอนเฉย ๆ แล้วเปิดเพลงในห้องตัวเอง

หวังว่าทุกคนจะได้รู้จักแจมินกันมากขึ้น รวมทั้งหลังจากเริ่มต้นวันด้วยรอยยิ้มสวย ๆ ของแจมินแล้วขอให้ทุกคนมีวันที่ดีนะคะ